Vehicle Honda City ใหม่
เหนือกว่าที่สุด...คือ ที่สุดในทุกด้าน
เปิดตัวไปอย่างฮือฮารับศักราชใหม่เลยทีเดียว สำหรับ Honda City ใหม่ที่มาพร้อมความเร้าใจอีกขีดขั้นภายใต้นิยาม "เหนือกว่าที่สุด...คือที่สุดในทุกด้าน" ซึ่งการกลับมาของซับคอมแพ็คซีดานในรูปแบบไมเนอร์เซนจ์ครั้งนี้ เรียกได้ว่าทางค่ายจัดลูกเล่นที่เห็นแล้วต้อง "ว้าว!" มาให้อย่างเต็มอิ่ม เพื่อยกระดับมาตรฐานพร้อมความโดดเด่นจนเรียกได้ว่าเข้าสู่ความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
Honda City ใหม่ ได้รับการแต่งแต้มให้มีความเป็นที่สุดในทุกด้าน ตั้งแต่ที่สุดของการออกแบบที่ผสานความล้ำสมัย อัดแน่นอารมณ์สปอร์ตและความหรูหราของทั้งดีไซน์ภายนอกและภายในเข้าไว้ได้อย่างลงตัว โฉบเฉี่ยวและสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบโครเมียม กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ รวมถึงลัอัลลอยตีไซน์สปอร์ต โดยทุกรุ่นย่อยพร้อมเติมความโดดเด่นด้วย LED Day Light ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงสำหรับยนตรกรรมที่ถือกำเนิด ณ พ.ศ. นี้เช่นเดียวกับในส่วนของไฟหน้าและไฟตัดหมอกที่เดิมทัศนวิสัยให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยหลอดแอลอีดีด้านภายในมาพร้อมแผงคอนโซลสีกันเมทัลลิกพร้อมจัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น
ชุดเครื่องเสียงที่สามารถรองรับอุปกรณ์ความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย ทั้ง USB, Bluetooth หรือแม้แต่ HDM! ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาในรูปแบบสัมผัส สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ
นั่งสไตล์สปอร์ตเน้นความโอบกระชับทุกการขับขี่ พร้อมไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบแอลอีดีที่สุดของสมรรถนะ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ SOHC AVTEC 1.5 ลิตร มาพร้อมกำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6.000 รอบนาที แรงบิด 146 นิวตัน-เมตรที่ 4.700 รอบนาที รองรับพลังงานทางเลือก E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Paddle shift ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสบริเวณหลังพวงมาลัย ที่สุดของเทคโนโลยีความปลอดภัย ด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบช่วย
แต่ก็ดูจะไม่เป็นปัญหาควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรคกะทันหัน (ESS) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองสามระดับการทดลองขับ Honda City ใหม่ ในครั้งนี้ใช้ระยะทางรวมประมาณ 300 กิโลมตร และเพื่อให้ได้อรรถรสของการเดินทางอย่างครบเครื่อง ผมจึงเลือกที่จะทดลองทั้งการขับขี่ด้วยตัวเองในขั้นต้น รวมถึงการทดลองเป็นผู้โดยสารทั้งในตอนหน้าและหลังด้วยอาการค้นไม้คันมืออยากลองสัมผัสอะไรใหม่ๆที่มาพร้อมขีดสุดในหลายๆ ด้าน ผมจึงเลือกที่จะเป็นผู้ขับก่อนอย่างไม่รีรอ
บาคาร่า
ในช่วงแรกของการเดินทางต้องบอกว่าการจราจรค่อนข้างแออัดจนต้องใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการค่อยๆ ขยับทีละน้อย ซึ่งอัตราการตอบสนองของชุมพลังใน Honda Cry ใหม่ ถือว่าทำได้อย่างน่าพอใจ เพียงแตะคันเร่งเบาๆ ตัวรถก็พร้อมที่จะพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว และด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัด ทำให้การเปลี่ยนช่องทางต่างๆ ทำด้โดยง่ายและสามารถควบคุมได้อย่างเชื่องมือ เบาะนั่งมีความโอบกระชับและรับกับสรีระอย่างลงตัว สามารถจัดท่ทางในการขับขี่ได้ง่ายเครื่องเสียงระบบสัมผัสที่ติดตั้งมาให้พร้อมสร้างอรรสรสความบันเทิงได้อย่างครบถ้วน ช่วยเติมอารมณ์ผ่อนคลายให้กับทุกคนภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างตี แม้จะรถติดมากมายขนาดไหน
หลังจากที่ออกนอกเมืองมาใด้เล็กน้อยก็แน่นอนว่าเป็นช่วงเวลาที่จะสามารถทำความเร็วเพื่อให้รู้ถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างแบบเต็มๆ ซึ่งผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยครับว่าเครื่องยนต์ในพิกัต 117 แรงม้า ของ Honda City ใหม่ ให้การตอบสนองที่ดีเกินคาด สามารถเร่งได้อย่างใจสั่ง ทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง เร้าใจเป็นอันดับต้นๆ ในคลาสเลยก็ว่าได้ ช่วงล่างให้การตอบสนองที่เฉียบคม ไม่นุ่มจนยวบยาบ หรือแข็งจนเกิดอาการกระด้าง ฟิลลิ่งแบบนี้...มันช่างสร้างความมั่นใจให้กับชายวัยแรงอย่างเราเสียจริง วิ่งมาด้วยความเร็ว 110-120 กม./ชม. เรียกได้ว่าไม่มีอาการส่ายหรือร่อนให้เห็นอย่างแน่นอน ถ้าใครอยากสัมผัส
ความเร้าใจที่มากขึ้น สามารถเล่นกับ Paddle Shit ที่ช่วยปลุกเร้าอารมณ์สปอร์ดขึ้นไปได้อีกระดับหลังจากลองขับจนหนำใจแล้ว ผมก็ลองปรับอิริยาบถของตัวเองมาเป็นผู้โดยสารในตอนหลังดูบ้าง ซึ่งทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร สิ่งที่รู้สึกเป็นอย่างแรกเลยก็คือ พื้นที่วางขากว้างมากกก! ทำให้เมื่อเข้าไปนั่งแล้วได้รับความรู้สึกที่โปร่งโส่ง โดยบริเวณคอนโซลกลางด้านหลังมาพร้อมช่องชาร์จไฟแบบ 12 โวลด์ถึง 2 ช่อง สำหรับใครที่ต้องการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ต้องบอกว่าตอบโจทย์จริงๆ ฟีลลิ่งในการโดยสารสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบาย อาจไม่นุ่มนวลเหมือนกับชีดานรุ่นใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แย่ เมื่อเทียบกับสมรรถนะการขับขี่โดยรวมที่ออกมาในแนวเฟิร์มชนาดนี้ Honda Ciry ใหม่ ไม่ได้มีดีแค่ภาพลักษณ์และสมรรถะการชับขี่ที่ให้ความเป็นสปอร์ตหรูเท่านั้นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน คงหนีไม่พ้นเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน โดยหลังจากจบทริประยะทางกว่าสามร้อยกิโลเมตร ภายใต้รูปแบบการขับขี่ที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง แต่อัตราการสิ้นเปลืองถือว่าทำได้อย่างนำประทับใจ โดยป้วนเปี้ยนอยู่แถว 15.7-16 กม/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมากๆ เมื่อเทียบกับรูปแบบในการขับขี่ ซึ่งตรงนี้คงต้องยกเครดิตให้กับทางค่ายที่รังสรรค์ Honda City ใหม่ออกมาได้อย่างตรงใจแฟนๆ อย่างแท้จริง 4)
|